(1) โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องขีดจำกัดความเร็วที่ระบุไว้ในประมวลกฎข้อบังคับว่าด้วยการใช้ทางหลวง.
(2) รับรองผลการทดสอบโดยสถาบัน Catarc ในประเทศจีน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2020 เพื่อหาความหนึบนของยางในการเข้าโค้งเมื่อเดือนตุลาคม 2563 โดยนำยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ และยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี’ ขนาด 255/45 R19 มาทดสอบเปรียบเทียบสมรรถนะกันด้วยเครื่องจักรกล.
(3) ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ ได้รับเกรดบนฉลาก ระดับ B โดยทดสอบในห้องปฏิบัติการของมิชลิน ที่เมืองลาดูซ์ ประเทศฝรั่งเศส (มิชลินได้รับการรับรองอัตโนมัติ) ในเรื่องประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเปียก.
(4) ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ ขนาด 255/45 R19 ที่นำมาทดสอบ ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก [“ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึงยางที่ถูกทำให้สึกหรอด้วยเครื่องจักรจนลึกถึงสะพานยางตามระเบียบข้อบังคับของยุโรปเรื่องสะพานยาง (ECE R30r03f)] ล้วนมีคุณสมบัติเหนือกว่ามาตรฐานข้อกำหนดเรื่องประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเปียกตามระเบียบข้อบังคับของยุโรปที่ R117.
(5) มิชลินสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากพื้นที่โรงงานลงได้ถึงร้อยละ 25 มาตั้งแต่ปี 2553 และตั้งเป้าที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ทั้งนี้ มิชลินได้สนับสนุนเงินทุนให้กับโครงการต่างๆ ที่มุ่งดูดซับหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ได้รับคาร์บอนเครดิตจากโครงการเหล่านี้เทียบเท่ากับระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตกค้างในกระบวนการผลิตยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ (ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบไปจนถึงการจัดส่งผลิตภัณฑ์ยางให้กับลูกค้า) อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Livelihoods Carbon Fund ได้ที่: https://www.michelin.com/en/sustainable-development-mobility/environment/
(6) ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ ได้รับฉลาก EU ระดับ B ในเรื่องความต้านทานการหมุน โดยทดสอบในห้องปฏิบัติการของมิชลิน ที่เมืองลาดูซ์ ประเทศฝรั่งเศส (มิชลินได้รับการรับรองอัตโนมัติ).
(7) มิชลินได้ทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการของมิชลิน ที่เมืองลาดูซ์ ประเทศฝรั่งเศสเรื่องแรงต้านทานการหมุนของล้อเมื่อเดือนตุลาคม 2563 โดยเปรียบเทียบระหว่างยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ (แรงต้านทานการหมุน 6.67 กิโลกรัม/ตัน) และยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี’ (แรงต้านทานการหมุน 8.81 กิโลกรัม/ตัน) ที่ขนาด 255/45 R19 เท่ากัน โดยใช้รถพลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 2,151 กิโลกรัม ซึ่งจะวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม แรงต้านทานการหมุนของล้อที่ต่างกัน 2.1 กิโลกรัม/ตัน ส่งผลให้ระยะทางวิ่งของยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ เพิ่มขึ้นอีกกว่า 60 กิโลเมตร หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ของระยะทางประเมินเบื้องต้น.
(8) ผลการวัดระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ทดสอบโดยมิชลิน ที่เมืองลอเร้นส์ ซึ่งเป็นสนามทดสอบในสหรัฐอเมริกาในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 เมื่อปี 2559 โดยใช้รถ KIA Cadenza ที่ติดตั้งยางขนาด 245/45 R19 ทั้งนี้ เป็นการวัดระดับเสียงรบกวนที่ช่วงความถี่ 170-230 เฮิรตซ์ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรถยนต์ที่ใช้ ขนาดและระยะวิ่งของยาง ความเร็วในการขับขี่ ตลอดจนสภาพถนน